รีวิวภาพยนตร์ Smile 2022

รีวิวภาพยนตร์ Smile 2022 หากพูดถึงรอยยิ้ม อย่างที่ทราบว่ารอยยิ้ม ในภาษาหนังมักจะเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับความหมายปกติเสมอ ในหนังก็เลยมักจะมีการใช้รอยยิ้มในการซื้อไป ถึงบรรยากาศที่ไม่มีความน่าไว้วางใจและมีความน่ากลัวที่แฝงไปไว้ภายใต้รอยยิ้ม

ความกระหยิ่มยิ้มย่องอ่านร้ายกาจที่พร้อม จะทำร้ายทุกสิ่งตัวตลกเปื้อนยิ้มผู้โหดเหี้ยมทารุณหรือรอยยิ้มฝืน ๆ ที่จะแฝงไปด้วยความทุกข์ตมหม่นหมอง ภายในอะไรทำนองนี้ซึ่งสำหรับวันนี้เราจะมาทำการรีวิวเกี่ยวกับภาพยนตร์ยิ้มสยอง หนังสยองขวัญ สเกลเรื่องใหม่ของค่ายดาวภูเขา (Paramount Pictures)

Smile 2022 เรื่อย่อ

Smile 2022 เรื่อย่อ  หนังสยองขวัญสเกลเล็กเรื่องใหม่ของค่ายดาวภูเขา พาราเมาท์ พิคเจอร์ส (Paramount Pictures)  เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เอาเรื่องของรอยยิ้ม อันน่าสยดสยองมาทำการนำเสนอซึ่งหนังเรื่องนี้ถือได้ว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะมันถูกทำการพัฒนาโครงเรื่องดั้งเดิมจาก ‘Laura Hasn’t Slept’ (2020) หนังสั้นผลงานของ ปาร์กเกอร์ ฟินน์ (Parker Finn)

ที่ลงมือเขียนบทและกำกับเองมาก่อน โดยหนังเรื่องนี้ได้ไปคว้ารางวัล Special Jury Recognition Prize จากสายการประกวด Midnight Short Award จากเทศกาลหนัง SXSW Film Festival 2020 และคว้ารางวัลจาก Fantastic Fest 2022 งานประกวดหนังสายแปลกมาก่อนหน้านี้ด้วยจนในที่สุดแล้วก็ถือได้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกทำการนำมาพัฒนาต่อไก่เป็นหนังยาวโดยตอนแรกตัวเรื่องนี้ก็เกือบจะได้กลายเป็นหนัง Original บน Streaming  Paramount+  แต่ด้วยความที่ตอนรอบฉายของ Test screening

กระแสกลุ่มคนดูค่อนข้างไปทางปลวกผู้บริหารก็เลยไฟเขียวให้พัฒนาต่อไปเป็นหนังฉายในโรงแทนนั่นเอง เริ่มต้นที่ ดร.โรส คอตเตอร์ (Sosie Bacon) จิตแพทย์สาวที่บังเอิญ ได้พบเจอเหตุการณ์ประหลาดสะเทือนใจของ ลอรา วีฟเวอร์ (Caitlin Stasey)

นักศึกษาสาวผู้ป่วยจิตเวชคนนึงที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสุดสะพรึง เหตุการณ์นั้นทำให้เธอต้องได้พบกับเหตุการณ์สยอง ที่ครอบนำตามติดเธอเป็นเงา แถมยังไม่สามารถที่จะอธิบายให้ใครฟังได้อีกด้วย จึงทำให้เธอนั้นต้องถูกทำการเผชิญกับอดีตอันแสนสะเทือนใจ และเธอก็พยายามทำการลบนี้สิ่งลี้ลับ อันน่าสะพรึงกลัวที่มาในรูปแบบของรอยยิ้ม

ความประทับใจ Smile 2022

ความประทับใจ Smile 2022  หากให้สรุปภาพรวมแบบเร็ว ๆ ของหนังเรื่องนี้ผู้เขียนนั้นได้เขียนสรุปไว้ว่านี่อาจจะไม่ใช่หนังผีแบบตรง ๆ แต่จะเป็นหนังสยองขวัญกึ่ง ๆ หนังคำสาปกึ่งๆหนัง ทริลเลอร์อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งโทนของหนังก็จะออกไปในทางหนังต้องคำสาปแนวคล้ายๆกับ

  ‘It Follows’ (2014), ‘The Babadook’ (2014) หรือไม่ก็ย้อนไปไกลถึง ‘The Ring’ (2003) โน่นเลย เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้ถือได้ว่าจุดเด่น นั่นก็คือเรื่องเอาประเด็นเกี่ยวกับจิตวิทยามาเป็นตัวหลักอาจจะยังไม่ถึงขั้นหนังอาร์ แต่จะชวนตีความเป็นการหยิบเอาปัญหาทางด้านจิตวิทยา มาเล่นเป็นปุ่มให้ตัวเอกนั้นต้องเผชิญกับการค้นหาที่มาของคำสาปยิ้มสยอง มากกว่าซึ่งต้องบอกได้เลยว่าความประทับใจ

ของภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นก็คือตัวหนังสามารถเอาประเด็นปทุมปัญหา ด้านจิตวิทยามาสะท้อนผ่านตัวหนังได้ทั้งประเด็น เกี่ยวกับรอยยิ้มรวมทั้ง Conflict ในแง่ของการสะท้อน ให้เห็นภาพอันย้อนแย่งของจิตแพทย์ ที่คอยรักษาคนที่มีปัญหาด้านจิตว่าเป็นคนที่น่าจะควบคุมรู้ทัน

และมีทักษะมากพอที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และรับมือกับอากาศสติแตกได้แต่ดันต้องมาเผชิญกับสภาวะที่ชวนให้หดหู่ มีความรู้สึกที่หวาดกลัวและผวา โดนอดีตตามรอยหลอน ยิ่งพอมาขมวดกับประเด็นความที่คนรอบข้างเธอนั้นต่างก็ไม่เข้าใจ ในสิ่งที่เธอเจอและเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับคำสาปรอยยิ้ม นี้ที่ทำให้คนตายมันเป็นยังไงก็ยิ่งชวนให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ รู้สึกกดดันสับสนซึมเศร้าแปลกแยก หนังหนักมากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://funfanmovie.com/